5 เมนูทอดกรอบ สุดฮิต และวิธีทอดให้กรอบนาน

เรื่องทอดๆ ละเอียดอ่อนกว่าที่คิด Cookpad เชื่อว่าใครหลายๆ คนก็น่าจะเคยประสบปัญหาเกี่ยวกับการเลือกใช้น้ำมันในการประกอบอาหาร โดยเฉพาะเมนูทอดที่ต้องเลือกใช้ให้ถูกวิธีเพื่อที่จะได้จานเด็ดจานกรอบ ที่อร่อยได้แม้อาหารจะเริ่มเย็นลงแล้ว วันนี้เราเลยขนเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำมันในการประกอบอาหาร พร้อมไอเดียเมนูทอดแสนอร่อยมาให้เพื่อนๆได้ลองทำตามกันด้วยน้า

น้ำมันสำหรับทำอาหารมีอะไรบ้าง

1. น้ำมันพืช (Vegetable Oil)

  • ส่วนประกอบ: มักมาจากพืชหลายชนิด เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน
  • จุดเด่น: ราคาถูก หาง่าย เหมาะสำหรับการทอดและผัดทั่วไป
  • จุดเดือด: ประมาณ 400°F (204°C)

เมนูที่เหมาะสม: การทอดและผัดทั่วไป เช่น ผัดผัก ทอดไก่ ทอดปลา

2. น้ำมันมะกอก (Olive Oil)

  • ส่วนประกอบ: สกัดจากผลมะกอก
  • จุดเด่น: มีหลายเกรด เช่น Extra Virgin (บริสุทธิ์ที่สุด) และ Virgin
  • การใช้งาน: ใช้ในสลัด การปรุงอาหารที่อุณหภูมิต่ำถึงปานกลาง
  • จุดเดือด: ประมาณ 375°F (190°C)

เมนูที่เหมาะสม: น้ำสลัด หรือพาสต้าอิตาเลียน

  • Extra Virgin Olive Oil: สลัด น้ำสลัด ดิปและซอสต่างๆ
  • Virgin Olive Oil: ผัดเบาๆ ผัดผัก และการปรุงอาหารที่อุณหภูมิต่ำถึงปานกลาง
  • Light/Refined Olive Oil: การทอดและผัดที่อุณหภูมิสูง

3. น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil)

  • ส่วนประกอบ: สกัดจากเนื้อมะพร้าว
  • จุดเด่น: มีกรดไขมันกลาง (Medium-Chain Fatty Acids) มีรสชาติและกลิ่นหอม
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับการทอด การอบ และการปรุงอาหารที่อุณหภูมิสูง
  • จุดเดือด: ประมาณ 350°F (177°C)

เมนูที่เหมาะสม: การทอด ผัด อบขนม เช่น ขนมเค้ก คุกกี้ ผัดแกงเขียวหวาน ผัดพริกแกง

4. น้ำมันคาโนลา (Canola Oil)

  • ส่วนประกอบ: สกัดจากเมล็ดคาโนลา
  • จุดเด่น: มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง เหมาะสำหรับการทำอาหารเพื่อสุขภาพ
  • การใช้งาน: ใช้ในการทอด ผัด และทำสลัด
  • จุดเดือด: ประมาณ 400°F (204°C)

เมนูที่เหมาะสม: การทอด ผัด อบ และการทำสลัด เช่น ผัดผัก สลัดผัก ทอดปลา

5. น้ำมันเมล็ดทานตะวัน (Sunflower Oil)

  • ส่วนประกอบ: สกัดจากเมล็ดทานตะวัน
  • จุดเด่น: มีวิตามินอีสูง มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง
  • การใช้งาน: ใช้ในการทอดและผัด
  • จุดเดือด: ประมาณ 450°F (232°C)

เมนูที่เหมาะสม: การทอดและผัด เช่น ผัดผัก ทอดไก่ ทอดปลาทะเล

6. น้ำมันถั่วเหลือง (Soybean Oil)

  • ส่วนประกอบ: สกัดจากถั่วเหลือง
  • จุดเด่น: ราคาถูก หาง่าย มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายพันธุ์
  • การใช้งาน: ใช้ในการทอดและผัด
  • จุดเดือด: ประมาณ 450°F (232°C)

เมนูที่เหมาะสม: การทอด ผัด และทำสลัด เช่น ผัดผัก ทอดไก่ ทอดปลาทะเล

7. น้ำมันอะโวคาโด (Avocado Oil)

  • ส่วนประกอบ: สกัดจากผลอะโวคาโด
  • จุดเด่น: มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง มีวิตามินอี
  • การใช้งาน: ใช้ในการทอด การทำสลัด และการปรุงอาหารที่อุณหภูมิสูง
  • จุดเดือด: ประมาณ 520°F (271°C)

เมนูที่เหมาะสม: การทอดที่อุณหภูมิสูง การทำสลัด และการอบ เช่น สเต็กทอด สลัดผัก อบไก่

8. น้ำมันงา (Sesame Oil)

  • ส่วนประกอบ: สกัดจากเมล็ดงา
  • จุดเด่น: มีรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว
  • การใช้งาน: ใช้ในการผัด การทำสลัด และการปรุงอาหารเอเชีย
  • จุดเดือด: ประมาณ 410°F (210°C)

เมนูที่เหมาะสม: การผัด การทำสลัด และการปรุงอาหารเอเชีย เช่น ผัดผักสไตล์เอเชีย สลัดน้ำมันงา ผัดเต้าหู้

9. น้ำมันถั่วลิสง (Peanut Oil)

  • ส่วนประกอบ: สกัดจากถั่วลิสง
  • จุดเด่น: มีรสชาติที่อ่อนนุ่ม เหมาะสำหรับการทอด
  • การใช้งาน: ใช้ในการทอดอาหารโดยเฉพาะ เช่น การทอดไก่
  • จุดเดือด: ประมาณ 450°F (232°C)

เมนูที่เหมาะสม: การทอดอาหารโดยเฉพาะ เช่น การทอดไก่ ทอดอาหารจีน เช่น ผัดผัก ทอดกรอบ

10. น้ำมันเมล็ดองุ่น (Grapeseed Oil)

  • ส่วนประกอบ: สกัดจากเมล็ดองุ่น
  • จุดเด่น: มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง ไม่มีรสชาติ
  • การใช้งาน: ใช้ในการทอด การทำสลัด และการทำอาหารเพื่อสุขภาพ
  • จุดเดือด: ประมาณ 420°F (216°C)

เมนูที่เหมาะสม: การทอด การทำสลัด และการอบ เช่น ทอดปลา สลัดผัก อบขนมเค้ก

11.น้ำมันปาล์ม (Palm oil)

  • ส่วนประกอบ: เป็นน้ำมันพืชที่มาจากผลของปาล์มน้ำมัน
  • จุดเด่น: มีความเสถียรทางความร้อนสูง รสชาติเป็นกลาง และ ความเข้มข้นสูง ทำให้อาหารที่ทอดออกมามีความกรอบ ราคาถูกกว่าน้ำมันชนิดอื่น
  • การใช้งาน: ใช้ในการทอด ซึ่งสามารถใช้ทอดซ้ำได้ รวมถึงการทำผัดผัก
  • จุดเดือด: จุดเดือดประมาณ 455°F (235°C)

เมนูที่เหมาะสม:

  • ทอด: ไก่ทอด, ปลาทอด, มันฝรั่งทอด, กล้วยทอด, ปาท่องโก๋
  • ผัด: ผัดผัก, ผัดซีอิ๊ว, ผัดไทย
  • อาหารทอดกรอบ:  นักเก็ตไก่, ฟิชแอนด์ชิปส์

ความแตกต่างของน้ำมันแต่ละชนิด

  • รสชาติ: บางชนิดมีรสชาติและกลิ่นที่โดดเด่น เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันงา
  • จุดเดือด: แต่ละชนิดมีจุดเดือดต่างกัน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่อุณหภูมิแตกต่างกัน
  • ประโยชน์ทางสุขภาพ: บางชนิดมีกรดไขมันดีและวิตามินสูง เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันอะโวคาโด
น้ำมันที่เหมาะกับการทอดมากที่สุดคือ น้ำมันที่มีจุดเดือดสูง เนื่องจากสามารถทนความร้อนได้ดีโดยไม่เกิดการสลายตัวหรือเกิดควันง่าย นอกจากนี้ควรมีรสชาติเป็นกลางเพื่อไม่ให้เปลี่ยนรสชาติของอาหารที่ทอด ตัวเลือกที่ดี ได้แก่ น้ำมันถั่วลิสง (Peanut Oil) น้ำมันคาโนลา (Canola Oil) น้ำมันเมล็ดทานตะวัน (Sunflower Oil) น้ำมันเมล็ดองุ่น (Grapeseed Oil) น้ำมันปาล์ม (Palm Oil)

5 เมนูทอดกรอบสุดฮิตตลอดกาล

สูตร ปีกไก่ยัดไส้ทอดกรอบ โดย manu
อาหารที่คุ้นเคยแต่ต้องใช้เวลาในการเอากระดูกไก่ออกควรใช้มีดปลายแหลมหรือมีดคว้านผลไม้จะง่ายมากกว่า คล้ายไก่ถอดกระดูก#โตมากับเมนูนี้
สูตร หมูสามชั้นทอดกรอบๆ ปรุงน้อยอร่อยๆค่ะ โดย Phuthai Siam
สูตรนี้ทำง่ายมากค่ะ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่กลัวน้ำมันกระเด็นเวลาทอด เรามีเคล็ดลับในการทอด ทอดอย่างไรไม่ให้น้ำมันกระเด็นมาฝากด้วยนะคะ #ช่วยมือใหม่เข้าครัว ดูวิธีทำง่ายๆ ตรงนี้นะคะ https://youtu.be/yklz_mWueAU
สูตร เห็ดเข็มทองทอดกรอบ โดย ครัวคุณดา👸
#มื้อนี้กินที่บ้าน #ครัวผจญภัย
สูตร แคบหมูทอดกรอบ โดย สิทธิพงศ์
แคบหมูกรอบๆ ใช้หมูสามชั้นแบบลอกหนังออก หรือบางทีทำหมูสับโดยใช้หมูสามชั้น ต้องเอาหนังออก เลยเหลือหนังหมูพอควร เอามาทำแคบหมูทานเล่นครับ เป็นวิธีทอดหมูสองรอบ รอบแรกทอดไฟเบาเพื่อให้หนังหมูแห้ง แล้วเอามาพักไว้ให้เย็น ทอดรอบสองไฟแรง จะฟูอย่างรวดเร็ว กรอบอร่อยมากครับ
สูตร มันฝรั่งทอดกรอบโฮมเมด กรอบนาน (ไม่อมน้ำมัน) โดย Kamerr inter แขมร อินเตอร์
เก็บมันฝรั่งสดๆ ฟรีหลังบ้าน ของฟรีที่เขาเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว เจ้าของใจดีอนุญาตให้ไปเก็บ ได้เมนูทานเล่นมาฝากทุกคนค่า คลิปเต็มยูทูป --> https://youtu.be/BX4dIWNrWKw

เคล็ดลับการทอดอาหารให้กรอบ

  1. ควบคุมอุณหภูมิของน้ำมัน: ใช้เทอร์โมมิเตอร์เพื่อควบคุมอุณหภูมิของน้ำมันให้อยู่ในช่วง 350-375°F (175-190°C)
  2. เตรียมอาหารให้แห้ง: ซับน้ำส่วนเกินออกจากอาหารก่อนทอด
  3. ใช้แป้งหรือเกล็ดขนมปัง: คลุกอาหารในแป้งหรือเกล็ดขนมปังก่อนทอด
  4. ทอดเป็นชุดเล็กๆ: ไม่ใส่อาหารมากเกินไปในครั้งเดียว
  5. ซับน้ำมันออกหลังทอด: วางอาหารบนกระดาษซับน้ำมันหรือแร็กซ์เพื่อให้น้ำมันส่วนเกินซับออกมา
  6. ใช้น้ำมันที่มีจุดเดือดสูง: เลือกใช้น้ำมันที่มีจุดเดือดสูงและรสชาติเป็นกลาง เช่น น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันคาโนลา น้ำมันเมล็ดทานตะวัน

Q&A: น้ำมันสามารถใช้ซ้ำได้หรือไม่?

การใช้น้ำมันซ้ำในการทอดเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ต้องระวังเรื่องความสะอาดและคุณภาพของน้ำมันเพื่อไม่ให้อาหารมีกลิ่นเหม็นหืนหรือมีสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ นี่คือวิธีการทอดและการจัดลำดับการใช้น้ำมันซ้ำ

ลำดับการทอด

การทอดอาหารที่มีกลิ่นและความมันต่างกัน ควรเรียงลำดับจากอาหารที่มีกลิ่นและความมันน้อยไปจนถึงมาก ดังนี้:

ทอดอาหารที่มีรสชาติอ่อนและกลิ่นน้อย:

  • ผักทอด เช่น มันฝรั่งทอด หอมทอด
  • อาหารทะเล เช่น กุ้งทอด แคลมชิปส์

ทอดอาหารที่มีกลิ่นและรสชาติเข้มขึ้น:

  • เนื้อสัตว์ขาว เช่น ไก่ทอด หมูทอด

ทอดอาหารที่มีกลิ่นและรสชาติเข้มที่สุด:

  • เนื้อสัตว์แดง เช่น เนื้อวัวทอด เนื้อแกะทอด

การกรองและเก็บน้ำมัน

กรองน้ำมัน:

  • หลังจากการทอดแต่ละครั้ง ควรรอให้น้ำมันเย็นลงเล็กน้อย แล้วกรองเศษอาหารออกด้วยกระชอนหรือผ้าขาวบาง เพื่อให้น้ำมันสะอาดที่สุด เก็บน้ำมันในภาชนะที่มีฝาปิดแน่นหนา และเก็บในที่เย็นและมืด เช่น ตู้เย็นหรือตู้เก็บอาหาร เพื่อป้องกันการเกิดออกซิเดชันและกลิ่นเหม็นหืน

การตรวจสอบคุณภาพน้ำมัน

สีของน้ำมัน: หากน้ำมันมีสีเข้มมากเกินไป ควรพิจารณาเปลี่ยนน้ำมันใหม่ เนื่องจากการใช้น้ำมันหลายครั้งจะทำให้น้ำมันเปลี่ยนสีและคุณภาพลดลง

กลิ่นของน้ำมัน: หากน้ำมันมีกลิ่นเหม็นหืนหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ควรเปลี่ยนน้ำมันใหม่

การเกิดควัน: หากน้ำมันเกิดควันที่อุณหภูมิต่ำกว่าปกติ แสดงว่าคุณภาพน้ำมันลดลง ควรเปลี่ยนน้ำมันใหม่

เคล็ดลับเพิ่มเติม
- น้ำมันที่มีจุดเดือดสูง เช่น น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันคาโนลา และน้ำมันเมล็ดทานตะวัน จะทนความร้อนได้ดีและใช้ซ้ำได้หลายครั้ง
- การใช้น้ำมันซ้ำหลายครั้งอาจทำให้เกิดสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ควรจำกัดการใช้น้ำมันซ้ำไม่เกิน 3-4 ครั้ง
- สามารถผสมน้ำมันใหม่เข้ากับน้ำมันที่ใช้แล้วเพื่อรักษาคุณภาพน้ำมันและประหยัดน้ำมัน

Q&A: เพราะอะไรที่เวลาทอดเสร็จแล้วถึงไม่กรอบ?

มีหลายปัจจัยที่ทำให้อาหารทอดเสร็จแล้วไม่กรอบ ปัจจัยเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการเตรียมอาหาร วัตถุดิบที่ใช้ อุณหภูมิในการทอด และการจัดการหลังการทอด นี่คือสาเหตุที่ทำให้อาหารทอดไม่กรอบ

  • น้ำมันร้อนเกินไป: ทำให้อาหารด้านนอกไหม้แต่ด้านในยังไม่สุก
  • น้ำมันเย็นเกินไป: ทำให้อาหารอมน้ำมันและไม่กรอบ
  • การใส่อาหารมากเกินไปจะทำให้อุณหภูมิน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้อาหารไม่กรอบและอมน้ำมัน
  • อาหารมีความชื้นมากเกินไป: ความชื้นในอาหารจะทำให้น้ำมันฟูและทำให้อาหารไม่กรอบ ควรซับน้ำส่วนเกินออกก่อนทอด
  • ไม่ใช้แป้งหรือเกล็ดขนมปัง: การคลุกอาหารในแป้งหรือเกล็ดขนมปังจะช่วยให้อาหารกรอบมากขึ้น
  • น้ำมันที่มีจุดเดือดต่ำหรือน้ำมันที่ใช้ซ้ำหลายครั้งจนเกินไป จะทำให้อาหารไม่กรอบและมีกลิ่นเหม็นหืน
  • ทอดนานเกินไป: อาหารจะกรอบเกินไปและแข็ง
  • ทอดน้อยเกินไป: อาหารจะไม่สุกและไม่กรอบ
  • ไม่ซับน้ำมันออก: วางอาหารบนกระดาษซับน้ำมันหรือแร็กซ์เพื่อให้ซับน้ำมันส่วนเกินออกมา จะช่วยให้อาหารกรอบนานขึ้น
  • การเก็บรักษา: หากทิ้งอาหารไว้ในอากาศชื้น จะทำให้อาหารสูญเสียความกรอบ ควรเก็บในที่แห้งและห่อด้วยกระดาษหรือผ้า

Q&A: จะรู้ได้ยังไงว่าน้ำมันพร้อมทอดแล้ว

  • ใช้ไม้พายหรือไม้จิ้มฟัน: จุ่มปลายไม้พายหรือไม้จิ้มฟันลงในน้ำมัน ถ้าฟองอากาศเล็กๆ ขึ้นมารอบๆ ไม้แสดงว่าน้ำมันร้อนพอสำหรับการทอด
  • ใช้ขนมปัง: หย่อนชิ้นขนมปังลงในน้ำมัน ถ้าขนมปังเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทองในประมาณ 60 วินาที แสดงว่าน้ำมันร้อนพอ ถ้าขนมปังเปลี่ยนสีในเวลาเร็วกว่า 60 วินาที น้ำมันอาจจะร้อนเกินไป และถ้าช้ากว่า 60 วินาที น้ำมันอาจจะยังไม่ร้อนพอ
  • ใช้แป้งหรือเกลือ:โรยแป้งหรือเกลือลงไปเล็กน้อย ถ้าแป้งหรือเกลือทำให้เกิดฟองฟู่และลอยขึ้นทันที แสดงว่าน้ำมันร้อนพอ
  • ใช้ผิวขนมปังแห้ง: หย่อนผิวขนมปังแห้งลงในน้ำมัน ถ้าผิวขนมปังลอยขึ้นและเกิดฟองอากาศเล็กๆ ขึ้นมารอบๆ แสดงว่าน้ำมันร้อนพอสำหรับการทอด
  • ใช้ก้อนข้าวเหนียว: หย่อนก้อนข้าวเหนียวเล็กๆ ลงในน้ำมัน ถ้าข้าวเหนียวลอยขึ้นมาพร้อมกับฟองอากาศเล็กๆ แสดงว่าน้ำมันร้อนพอ
ข้อควรระวัง: อย่าปล่อยให้น้ำมันร้อนเกินไปจนเกิดควัน เพราะจะทำให้รสชาติอาหารเสียและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และระมัดระวังเมื่อทำการทดสอบน้ำมันร้อน ควรทำด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

หากสนใจสูตรอาหารเมนู ทอด อื่นๆ สามารถกดดูเพิ่มเติมได้ที่นี่


ถ้ายังไม่จุใจกับสูตรอาหารสามารถเข้าไปดูสูตรอาหารเพิ่มเติมได้ที่ แอปค้นหาและแบ่งปันสูตรอาหารที่ดีที่สุด โดยคนรักการทำอาหารกินเองในไทย และกว่า 70 ประเทศทั่วโลกCookpad

หรือดาวน์โหลดแอ Cookpad ได้เลย