อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหรือหวาน วันนี้ Cookpad จะมาพูดถึงชนิดของอะโวคาโดที่มีขายตามท้องตลาดในปัจจุบัน วิธีเลือกซื้อ และวิธีการปอกอะโวคาโดง่ายๆ รวมถึงเมนูแสนอร่อยที่ใช้อะโวคาโดในการทำ ไปดูกันเลย
วิธีเลือกซื้ออะโวคาโด
พิจารณาสีของเปลือก
- Hass: เปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำเมื่อสุก
- พันธุ์อื่น ๆ: เปลือกมักจะยังคงเป็นสีเขียวอยู่แม้สุก
ตรวจสอบความแน่นของผล
- กดเบา ๆ บนผล ถ้ารู้สึกนิ่มเล็กน้อยและไม่บุ๋ม แสดงว่าสุกพอดี
- ถ้าบุ๋มง่าย แสดงว่าสุกเกินไป
ดูที่ขั้วผล
- ดึงขั้วออก ถ้าเห็นเนื้อสีเขียวใต้ขั้ว แสดงว่าสุกพร้อมทาน
- ถ้าเห็นสีเข้มหรือสีน้ำตาล แสดงว่าอาจจะสุกเกินไปหรือเริ่มเน่า
พิจารณาขนาดและรูปร่าง
- ผลที่ใหญ่กว่าอาจใช้เวลาสุกนานกว่า ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน
เขย่าฟังเสียงเมล็ด
- ถ้าได้ยินเสียงเมล็ดเคลื่อนที่ อาจสุกเกินไปและเนื้อไม่แน่นแล้ว
อะโวคาโดในไทยมีพันธุ์อะไรบ้าง
1. พันธุ์แฮสส์ (Hass)
- ลักษณะภายนอก: เปลือกมีสีเขียวเข้มถึงดำเมื่อสุก ผิวขรุขระและหยาบ รูปร่างค่อนข้างกลม
- รสชาติและเนื้อสัมผัส: เนื้อมีรสชาติมัน กลิ่นหอม เนื้อครีมเนียนและเข้มข้น เหมาะสำหรับใช้ทำกัวคาโมเล่หรือทาขนมปัง ไขมันประมาณ 20% (พันธุ์นี้เป็นพันธุ์การค้าที่สำคัญของโลก เพราะคุณภาพผลดีมาก)
2. พันธุ์บูธ 7 (Booth-7)
- ลักษณะภายนอก: เปลือกหนา มีสีเขียวเข้ม ผิวขรุขระปานกลาง รูปร่างคล้ายลูกแพร์
- รสชาติและเนื้อสัมผัส: เนื้อมีรสชาติมันปานกลาง ไม่เข้มข้นเท่าพันธุ์แฮสส์ เนื้อสัมผัสเนียนและชุ่มฉ่ำ 7-14%
3. พันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson)
- ลักษณะภายนอก:ผลจะค่อนข้างกลม ผิวเรียบ เนื้อสีเหลืองอมเขียว
- รสชาติและเนื้อสัมผัส: มีรสชาติมันน้อยกว่าพันธุ์อื่น ๆ เนื้อสัมผัสเนียนและแน่น มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ รสชาติติดหวานอ่อนๆ
4. พันธุ์ฟูเอร์เต (Fuerte)
- ลักษณะภายนอก: ผลทรงยาว ผิวผลสีเขียว ผิวขรุขระเล็กน้อย เนื้อสีเหลืองครีม
- รสชาติและเนื้อสัมผัส: รสชาติมัน เนื้อครีมเนียน มีกลิ่นคล้ายเฮเซลนัท รสชาติอ่อนกว่าพันธุ์แฮสส์ เหมาะสำหรับทำสลัด
5. พันธุ์บัคคาเนียร์ (Buccaneer)
- ลักษณะภายนอก: ผิวผลสีเขียว ผิวขรุขระ เปลือกหนา เนื้อสีเหลืองอ่อน
- รสชาติและเนื้อสัมผัส: เนื้อมีรสชาติมันน้อย แต่มีเนื้อแน่นและชุ่มฉ่ำ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เนื้อเนียน อร่อย มีไขมัน 12%
6. พันธุ์พิงค์เคอตัน (Pinkerton)
- ลักษณะภายนอก: เปลือกสีเขียว ผิวค่อนข้างขรุขระ รูปร่างยาวรีคล้ายลูกแพร์ แต่มีปลายเรียวกว่า
- รสชาติและเนื้อสัมผัส: รสชาติมัน เนื้อแน่นและนุ่ม มีเนื้อส่วนที่กินได้มากกว่าพันธุ์อื่น ๆ เพราะเมล็ดเล็ก
7. พันธุ์เบคอน ( Bacon )
- ลักษณะภายนอก: มีรูปร่างเป็นทรงวงรี เปลือกสีเขียวเข้ม เรียบเนียนกว่าสายพันธ์อื่นๆ มีจุดจางๆทั่วผล เนื้อมีสีเหลืองอมเขียว
- รสชาติและเนื้อสัมผัส: น้ำน้อยกว่าสายพันธุ์ Hass แต่รสชาติไม่ต่างกันมากนักแต่รสชาติจะค่อนข้างจะเบากว่าสายพันธุ์อื่นๆ
8. พันธุ์รีด ( Reed )
- ลักษณะภายนอก: สายพันธุ์นี้มีรูปร่างกลม และแตกต่างจากพันธุ์อื่นๆ มีน้ำหนักถึง 2 ปอนด์ เปลือกสีเขียวเข้ม เนื้อครีม
- รสชาติและเนื้อสัมผัส: รสคล้ายถั่ว และสายพันธุ์นี้ยังเป็นสายพันธุ์ที่มีปริมาณเนื้อเฉลี่ยมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆอีกด้วย
9. พันธุ์ซูตาโนะ ( Zutano )
- ลักษณะภายนอก:จะคล้ายกับสายพันธุ์ฟูเอร์เต ( Fuerte ) ผิวสีเขียว มันวาว ถึงแม้จะสุกแล้วก็ยังเขียวอยู่ แต่อะโวคาโดสายพันธุ์ Zatano เนื้อจะไม่ได้เป็นครีมเหมือนอโวคาโดสายพันธุ์อื่นๆ
- รสชาติและเนื้อสัมผัส: ตัวรสชาติของสายพันธุ์นี้จะอ่อนๆ ไขมันก็ต่ำกว่าพันธุ์อื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำซะมากกว่า
10. พันธุ์เกวน ( Gwen )
- ลักษณะภายนอก: มีความคล้ายกับสายพันธุ์ Hass ที่นิยมกันในปัจจุบัน แต่รูปร่างจะกลม และใหญ่กว่าเล็กน้อย นอกจากนี้เวลาสุกเปลือกก็จะยังคงเป็นสีเขียว มีเมล็ดที่เล็ก เนื้อแน่น สีเขียวทองครีม
- รสชาติและเนื้อสัมผัส: มีรสชาติคล้ายถั่ว
วิธีปอกอะโวคาโดง่ายๆ ที่อยากให้ลอง
- ใช้มีดคม ๆ ตัดอะโวคาโดตามแนวยาวจนถึงเมล็ด จากนั้นหมุนทั้งสองด้านให้หลุดจากกัน
- ใช้มีดฟันเบา ๆ ที่เมล็ดแล้วหมุนเพื่อดึงเมล็ดออก หรือใช้ช้อนตักเมล็ดออกมา หรือถ้าเมล็ดมันร่อนจะสามารถใช้หยิบมือหยิบออกมาเลยก็ได้
- ใช้ช้อนขนาดใหญ่ตักเนื้ออะโวคาโดออกจากเปลือกในครั้งเดียว หรือหากต้องการใช้เนื้อเป็นชิ้น ๆ ให้ใช้มีดคมตัดเนื้ออะโวคาโดเป็นเส้นก่อนแล้วจึงใช้ช้อนตักออก (ใช้ช้อนแกงด้ามสั้นยิ่งง่ายเพราะคมจริงๆ คว้านได้สวยสุดๆ)
รู้หรือไม่? ปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับจากอะโวคาโดหนึ่งผลขึ้นอยู่กับขนาดของผลอะโวคาโด ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับขนาดและสายพันธุ์ของอะโวคาโดด้วย
- อะโวคาโดขนาดเล็ก (ประมาณ 100 กรัม) จะให้พลังงานประมาณ 160–180 แคลอรี่
- อะโวคาโดขนาดกลางทั่วไป (ประมาณ 150–200 กรัม) ปริมาณแคลอรี่จะอยู่ที่ประมาณ 240–320 แคลอรี่
- อะโวคาโดขนาดใหญ่ (ประมาณ 250 กรัม) จะให้พลังงานประมาณ 400–450 แคลอรี่
ไอเดียเมนูจากอะโวคาโด
อะโวคาโดสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหรือหวาน ทำกินได้ไม่มีเบื่อ มาดูกันว่ามีเมนูอะไรบ้าง
กัวคาโมเล่ (Guacamole)
- เมนูสลัดอะโวคาโดสไตล์เม็กซิกัน ผสมอะโวคาโดบดกับมะเขือเทศ หอมแดง มะนาว และเครื่องเทศ ทานคู่กับแคร็กเกอร์หรือนาโชส์
สลัดอะโวคาโด
- สลัดที่ใส่อะโวคาโดเป็นส่วนประกอบหลัก ผสมกับผักสดต่าง ๆ น้ำสลัดน้ำมันมะกอก หรือบัลซามิก
แซนด์วิชอะโวคาโด
- อะโวคาโดบดหรือหั่นบาง ๆ วางบนขนมปังปิ้งพร้อมท็อปปิ้งตามชอบ เช่น ไข่ดาว มะเขือเทศ หรือไก่ย่าง
สมูทตี้อะโวคาโดหรืออะโวคาโดปั่น
- สมูทตี้ที่ใช้อะโวคาโดเป็นส่วนผสมหลัก ผสมกับกล้วย น้ำผึ้ง และนม ทำให้ได้เครื่องดื่มที่เนียนนุ่มและอร่อย
ซูชิอะโวคาโด
- ใช้เนื้ออะโวคาโดหั่นบาง ๆ เป็นส่วนผสมในซูชิโรล หรือเป็นท็อปปิ้งของซูชิ
ไอศครีมอะโวคาโด
- นำเนื้ออะโวคาโดผสมน้ำมะนาว นมข้นหวาน นมสด และน้ำตาลลงไปในเครื่องปั่น แล้วแช่แข่งทำเป็นไอศครีมดับร้อน ที่กินแล้วสุขภาพดี
ชีสเค้กอะโวคาโด
- จะหั่นอะโวคาโดเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปตีผสมกับครีมชีสแล้วนำไปทำเป็นชีสเค้ก ตามด้วยอะโวคาโดแผ่นบางๆวางตกแต่งลงบนหน้าชีสเค้ก รสชาติครีมมี่เข้ากัน
หากสนใจสูตรอาหารเมนู อะโวคาโด อื่นๆ สามารถกดดูเพิ่มเติมได้ที่นี่
ถ้ายังไม่จุใจกับสูตรอาหารสามารถเข้าไปดูสูตรอาหารเพิ่มเติมได้ที่