คะน้า (Chinese Kale หรือ Collard) เป็นผักใบเขียวที่นิยมใช้ทำอาหารหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นผัดคะน้า ยำ หรือแกงต่างๆ นอกจากความอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพ Cookpad จะพาทุกคนไปรู้จักวิธีการเลือกซื้อ การทำความสะอาดคะน้าอย่างถูกต้อง พร้อมเคล็ดลับต้มคะน้าให้ออกมาสีเขียวสวย น่ารับประทาน รวมถึงไอเดียเมนูแสนอร่อยจากคะน้ามาให้เพื่อนๆ ได้ลองทำตามกัน
วิธีเลือกซื้อคะน้า
- เลือกคะน้าที่สด: สังเกตที่ใบต้องมีสีเขียวสด ไม่มีรอยเหลืองหรือรอยเหี่ยว ใบควรหนาแน่น มีความกรอบ ไม่อ่อนหรือแห้ง
- เลือกก้านที่ไม่แข็งเกินไป: ก้านคะน้าที่ดีควรมีความกรอบและไม่แข็งเกินไป หากลองหักดูแล้วเปราะ กรอบ แสดงว่าคะน้ายังสด เลือกต้นที่อวบใหญ่ ดูรอยตัดโคนต้น หากมีเส้นสีขาวขนาดเล็กละเอียดถือว่าเป็นต้นที่กำลังดี ไม่ควรเลือกต้นที่มีเส้นสีขาวใหญ่เพราะจะเหนียว
วิธีทำความสะอาดคะน้าที่ถูกต้อง
- ใช้เบกกิ้งโซดา: 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำอุ่น 20 ลิตรหรือราว 1 กะละมัง แช่คะน้าไว้ 15 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำธรรมดาให้สะอาด แต่ต้องมั่นใจว่าล้างเบกิ้งโซดาออกจนหมด เพราะหากได้รับเบกิ้งโซดามากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
- แช่น้ำผสมเกลือหรือน้ำส้มสายชู: เพื่อช่วยกำจัดสารตกค้างหรือสิ่งสกปรกที่ติดมากับผัก ให้นำคะน้าไปแช่น้ำผสมเกลือหรือเติมน้ำส้มสายชูเล็กน้อยประมาณ 10 นาที
- ล้างด้วยน้ำเปล่าหลายครั้ง: หลังแช่เกลือแล้ว ควรล้างด้วยน้ำสะอาดอีก 2-3 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าคะน้าสะอาดและไม่มีสิ่งตกค้าง
เคล็ดลับการต้มคะน้าให้สีสวย
- ต้มในน้ำเดือดจัด: เริ่มจากต้มน้ำให้เดือดจัด เพื่อช่วยให้คะน้ายังคงสีเขียวสด ไม่สูญเสียคุณค่าทางอาหาร
- เติมเกลือเล็กน้อยในน้ำต้ม: การเติมเกลือในน้ำต้มจะช่วยรักษาสีเขียวของคะน้า ทำให้ผักไม่เปลี่ยนสีหลังจากต้ม
- ต้มในเวลาสั้นๆ: คะน้าควรต้มไม่นานเกินไป ประมาณ 1-2 นาที เมื่อเริ่มสุกแล้วนำขึ้นทันทีเพื่อให้ผักยังกรอบและคงสีสวย
- นำขึ้นแช่น้ำเย็น: หลังจากต้มเสร็จ ให้นำคะน้าขึ้นแช่น้ำเย็นทันที วิธีนี้ช่วยหยุดการสุกของผัก และทำให้คะน้ายังคงสีเขียวสด
ไอเดียเมนูจากคะน้า
ถ้ายังไม่จุใจกับสูตรอาหารสามารถเข้าไปดูสูตรอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Cookpad