กะทิ เป็นวัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้ในอาหารไทยหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหรือของหวาน ความหอมมันของกะทิทำให้อาหารมีรสชาติที่กลมกล่อมและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งแต่แกงกะทิต่าง ๆ เช่น แกงเขียวหวาน แกงพะแนง หรือแม้แต่เมนูของหวานอย่างขนมหม้อแกง ขนมตาล และลอดช่อง ก็ล้วนใช้กะทิเป็นส่วนผสมหลักที่ทำให้อาหารหวานอร่อยและมีความมันนุ่มลิ้น Cookpad เลยขนไอเดียอร่อยหวานมันจากกะทิ พร้อมเคล็ดลับดีดีใการเก็บรักษา รวมถึงวิธีคั้นกะทิสดมาให้เพื่อนๆ ได้ลองทำกันแล้ว
วิธีการคั้นกะทิสด
กะทิสดได้จากการคั้นเนื้อมะพร้าวที่แก่พอดี การคั้นกะทิที่ถูกวิธีช่วยให้กะทิมีความหอมมันมากยิ่งขึ้น โดยสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้:
- เลือกมะพร้าว – เลือกมะพร้าวที่แก่พอดี โดยจะสังเกตได้จากสีของเปลือกมะพร้าวที่มีสีเข้ม เนื้อมะพร้าวจะมีความหนาและแข็ง ซึ่งจะให้กะทิที่มีคุณภาพดีและมันมาก
- ขูดเนื้อมะพร้าว – ใช้กระต่ายขูดมะพร้าวหรือเครื่องขูดในการขูดเนื้อมะพร้าวออกมา หากใช้กระต่ายขูดมะพร้าวแบบโบราณ เนื้อมะพร้าวจะได้เป็นชิ้นเล็ก ๆ และละเอียด
- การคั้นกะทิ – นำเนื้อมะพร้าวขูดใส่ในผ้าขาวบาง จากนั้นเติมน้ำอุ่นเล็กน้อยเพื่อช่วยในการดึงเอาน้ำกะทิออกมา แล้วบีบกะทิออกมาโดยการบีบจากเนื้อมะพร้าวที่ขูด
- กะทิชั้นแรก (หัวกะทิ): น้ำกะทิที่ได้จากการคั้นครั้งแรกโดยไม่เติมน้ำ มีความเข้มข้นสูง มัน และหอมมาก มักใช้ในอาหารที่ต้องการความมันเข้มข้น เช่น แกงเขียวหวาน หรือราดขนมหวาน
- กะทิชั้นสอง (หางกะทิ): หลังจากบีบหัวกะทิออกมาแล้ว เติมน้ำเพิ่มแล้วบีบอีกครั้ง จะได้หางกะทิที่มีความเจือจางลงเล็กน้อย มักใช้ในการทำแกงที่ไม่ต้องการความเข้มข้นมาก เช่น ต้มข่าไก่ แกงเทโพ หรือผสมในของหวานที่ต้องการกะทิที่เบาลง
วิธีการเก็บรักษากะทิสด
กะทิสดมีความบอบบางและเสียง่าย หากไม่ได้รับการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง ดังนั้นวิธีการเก็บรักษาจึงมีความสำคัญมาก
- เก็บในตู้เย็น – หากต้องการเก็บกะทิสดไว้ใช้ในวันถัดไป ควรเก็บในตู้เย็นทันทีหลังจากคั้น โดยใส่ภาชนะที่ปิดสนิท กะทิสดสามารถเก็บได้นานประมาณ 1-2 วัน
- เก็บในช่องแช่แข็ง – ถ้าต้องการเก็บกะทิไว้ใช้ในระยะยาว สามารถนำไปแช่แข็งได้ กะทิจะเก็บได้นานถึง 1 เดือน แต่ควรแช่ในภาชนะที่แยกเป็นส่วนเล็ก ๆ เพื่อความสะดวกในการใช้ กะทิที่แช่แข็งอาจเสียเนื้อสัมผัสเมื่อถูกละลาย แต่ยังสามารถนำไปใช้ในอาหารที่ต้องการความมันได้
- ไม่ควรเก็บในอุณหภูมิห้อง – กะทิสดเสียง่ายมาก หากเก็บในอุณหภูมิห้องเพียงไม่กี่ชั่วโมง อาจเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์และบูดได้
กะทิกล่องและกะทิคั้นสดมีความแตกต่างกันยังไง
1. รสชาติและกลิ่น
- กะทิคั้นสด: มีรสชาติหอมมันตามธรรมชาติของมะพร้าวสด กลิ่นจะหอมกว่ามากและมีความหวานมันที่ได้จากการคั้นสดจากเนื้อมะพร้าวใหม่ ๆ จึงทำให้เมนูที่ใช้กะทิคั้นสดมีรสชาติกลมกล่อมและเข้มข้นกว่า
- กะทิกล่อง: มักมีรสชาติที่เจือจางและมันน้อยกว่า เนื่องจากผ่านกระบวนการผลิตและการเก็บรักษา ซึ่งอาจทำให้รสชาติและกลิ่นหอมของมะพร้าวสดลดลงไปบ้าง นอกจากนี้อาจมีการเติมสารกันเสียหรือวัตถุเจือปนเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา
2. ความสะดวกในการใช้งาน
- กะทิคั้นสด: ต้องใช้เวลาคั้นจากมะพร้าวสด ซึ่งต้องใช้แรงและเวลา รวมถึงต้องคั้นออกมาให้พอดีกับการใช้งานเพราะกะทิคั้นสดเสียได้ง่ายและมีอายุสั้น หากไม่ใช้ทันทีควรเก็บในตู้เย็น
- กะทิกล่อง: มีความสะดวกและพร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องเสียเวลาคั้นหรือเตรียม สามารถเก็บได้นานหลายเดือนหากยังไม่เปิดใช้ แต่เมื่อเปิดแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 2-3 วัน
3. ความสดและการเก็บรักษา
- กะทิคั้นสด: มีอายุการเก็บรักษาสั้นมาก โดยเฉพาะถ้าเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง กะทิสดจะเริ่มเสียหรือบูดภายในไม่กี่ชั่วโมง และแม้เก็บในตู้เย็นก็สามารถเก็บได้เพียง 1-2 วันเท่านั้น
- กะทิกล่อง: ผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์หรือการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน ทำให้สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น หากยังไม่ได้เปิดกล่อง เมื่อเปิดแล้วควรเก็บในตู้เย็นและใช้ให้หมดภายในไม่กี่วัน
4. วัตถุดิบและกระบวนการผลิต
- กะทิคั้นสด: ได้จากการคั้นเนื้อมะพร้าวโดยตรง ไม่มีการเติมสารกันเสียหรือสารปรุงแต่งใด ๆ มักใช้สำหรับทำอาหารที่ต้องการความเข้มข้นและความสดใหม่ของกะทิ
- กะทิกล่อง: มีการผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อและการเติมสารกันเสียเล็กน้อยเพื่อยืดอายุการใช้งาน บางยี่ห้ออาจมีการเติมสารปรุงแต่ง เช่น สารเพิ่มความข้น หรือสารกันบูด
5. การใช้ในอาหาร
- กะทิคั้นสด: เหมาะสำหรับเมนูที่ต้องการรสชาติหอมมันเข้มข้น เช่น แกงกะทิ ขนมหวานแบบไทย และอาหารที่ต้องการรสชาติดั้งเดิมของกะทิ
- กะทิกล่อง: เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายและรวดเร็วในการทำอาหาร มักใช้ในเมนูทั่วไปที่ต้องการกะทิ แต่หากต้องการรสชาติและกลิ่นที่เข้มข้น ควรใช้กะทิคั้นสด
ไอเดียเมนูจากกะทิ
หากสนใจสูตรอาหารเมนู กะทิ อื่นๆ สามารถกดดูเพิ่มเติมได้ที่นี่
ถ้ายังไม่จุใจกับสูตรอาหารสามารถเข้าไปดูสูตรอาหารเพิ่มเติมได้ที่