ชาเขียวกับมัทฉะต่างกันยังไง? คำตอบนี้สำคัญกว่าที่คิด เพราะความต่างด้านการปลูก การแปรรูป และวิธีดื่ม ส่งผลถึงรสชาติ สี คาเฟอีน และการนำไปทำเมนูทั้งเครื่องดื่มและของหวาน บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกแบบเข้าใจง่าย พร้อมไกด์เลือกใช้ให้ “เข้าทางเมนู” และ ทันเทรนด์คาเฟ่ยุคนี้

🍵 ชาเขียวคืออะไร?
ชาเขียวคือเครื่องดื่มที่ทำจากใบชาของต้น Camellia sinensis โดยผ่านกระบวนการหยุดการออกซิเดชันอย่างรวดเร็ว (เช่น การนึ่งแบบญี่ปุ่นหรือการคั่วอ่อนๆ แบบจีน) เพื่อรักษาสีเขียวสดและกลิ่นหอมตามธรรมชาติเอาไว้ ชาเขียวมีหลายรูปแบบ เช่น เซ็นฉะ (Sencha), เกียวกุโระ (Gyokuro), เก็นไมฉะ (Genmaicha) และโฮจิฉะ (Hojicha) แม้ว่าโฮจิฉะจะผ่านการคั่วจนเป็นสีน้ำตาล แต่ก็มีพื้นฐานมาจากชาเขียวเช่นกัน ลักษณะเด่นของชาเขียวคือมีกลิ่นหอมสดชื่น บางครั้งมีกลิ่นคล้ายถั่วอ่อนๆ รสชาติไม่ขมหรือฝาดมากนัก ดื่มแล้วให้ความรู้สึกเบาและสดชื่น

🍵 มัทฉะคืออะไร?
มัทฉะก็ทำมาจากใบชา Camellia sinensis เช่นกัน แต่มีกระบวนการที่พิเศษกว่า นั่นคือใบชาจะถูกคลุมด้วยตาข่ายหรือวัสดุอื่นๆ เพื่อบังแสงอาทิตย์ก่อนการเก็บเกี่ยว การบังแสงนี้ช่วยให้ใบชาสร้างคลอโรฟิลล์และสารแอล-ธีอะนีน (L-Theanine) เพิ่มขึ้น ทำให้มีรสชาติ อูมามิ ที่กลมกล่อมและลึกกว่าชาเขียวทั่วไป หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ใบชาจะถูกนำไปนึ่ง อบแห้ง และบดจนเป็นผงละเอียดมาก เมื่อดื่มมัทฉะคือการบริโภคใบชาทั้งใบที่ละลายในน้ำ จึงได้รับสารอาหารและคาเฟอีนเข้มข้นกว่าการชงชาแบบกรองใบ
- เกรดของมัทฉะ: มัทฉะมีหลายเกรด เช่น เกรดเซเรโมนี (Ceremonial Grade) สำหรับพิธีชงชา, เกรดพรีเมียม (Premium Grade) และ เกรดทำอาหาร (Culinary Grade) สำหรับทำเครื่องดื่มและขนมต่างๆ
ทำไมคนไทยถึงหันมาดื่มมัทฉะ?
มัทฉะ (Matcha) เริ่มกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในหมู่คนไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในร้านกาแฟและคาเฟ่ต่าง ๆ สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้มัทฉะได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางมีดังนี้:
1. เป็นเทรนด์จากต่างประเทศและสื่อโซเชียลมีเดีย
เทรนด์การดื่มมัทฉะในต่างประเทศ โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและประเทศตะวันตก ได้รับความนิยมมาพักใหญ่แล้ว เมื่อคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวหรือติดตามสื่อโซเชียลมีเดียเห็นเมนูเครื่องดื่มและขนมที่ทำจากมัทฉะที่ดูน่าสนใจและสวยงาม จึงเกิดความอยากลองตาม
2. รสชาติที่หลากหลายและดื่มง่าย
แม้ว่ามัทฉะจะมีรสชาติอูมามิและขมฝาดเล็กน้อย แต่ก็เป็นความขมที่ดื่มง่ายและมีเอกลักษณ์ เมื่อนำมาผสมกับนมสด, นมพืช (เช่น นมโอ๊ต, นมอัลมอนด์), หรือส่วนผสมอื่น ๆ ก็สามารถปรับรสชาติให้เข้าถึงง่ายและถูกปากคนไทยมากขึ้น

🧉 วิธีเลือกใช้ชาเขียวและมัทฉะในเครื่องดื่ม
ชาเขียว (แบบชงใบ)
สำหรับชาเขียวแบบชงใบ ให้ใช้ใบชาประมาณ 2-3 กรัม ต่อน้ำร้อน 250 มิลลิลิตร ที่อุณหภูมิ 75-85°C และแช่ทิ้งไว้เพียง 1-2 นาที เพื่อไม่ให้ชามีรสขมฝาดจนเกินไป
- เมนูแนะนำ: ชาเขียวร้อน/เย็นที่เน้นกลิ่นหอมของใบชา, ชาเขียวนมสำหรับคนชอบรสชาติเบาๆ หรือชาเขียวยูซุโซดาที่ให้ความสดชื่น
มัทฉะ (แบบผง)
ก่อนชงมัทฉะ ควร ร่อนผงมัทฉะ ประมาณ 1-2 ช้อนชา แล้วผสมกับน้ำร้อน 20-30 มิลลิลิตร (อุณหภูมิ 60-80°C) จากนั้นใช้แปรงไม้ไผ่ (ชเซ็น) หรือเครื่องตีฟองนมตีให้เข้ากันจนเนียน
- เมนูยอดฮิต: มัทฉะลาเต้ (ใส่นมสดหรือนมพืช), เดอร์ตี้มัทฉะ (มัทฉะผสมช็อตเอสเปรสโซ), มัทฉะโคลด์โฟม (โฟมนมเค็มๆ บนมัทฉะเย็น) หรือ มัทฉะอเมริกาโน (มัทฉะผสมโซดาหรืออเมริกาโน)
- เคล็ดลับ: หากต้องการรสอูมามิที่ชัดเจนและสีที่สวยงาม ควรเลือกใช้มัทฉะเกรด Ceremonial หรือ Premium สำหรับดื่มเดี่ยว ส่วนมัทฉะเกรด Culinary เหมาะสำหรับเมนูที่ผสมนมหรือใช้ทำขนม
🍰 วิธีเลือกใช้ชาเขียวและมัทฉะในขนมและอาหาร
ชาเขียว (แบบชงใบหรือผงบดหยาบ)
ชาเขียวเหมาะสำหรับการนำไป infuse หรือการแช่เพื่อให้กลิ่นหอมละมุนซึมซาบเข้าไป เช่น การแช่ใบชาในครีมหรือนมเพื่อทำพานาคอตต้า ไอศกรีม หรือคัสตาร์ด นอกจากนี้ยังสามารถทำเป็น ชาซีรัป สำหรับราดเค้ก หรือผสมในน้ำสลัดได้อีกด้วย
มัทฉะ (แบบผงละเอียด)
มัทฉะสามารถนำมาใช้กับอาหารและเบเกอรีได้หลากหลาย เพราะให้ทั้งรสชาติและสีที่สวยงาม
- เบเกอรี่: มัทฉะเหมาะสำหรับทำเมนูเบเกอรี่ต่างๆ เช่น คุกกี้ ชิฟฟ่อนเค้ก หรือชีสเค้ก เพราะผงมัทฉะจะให้สีที่สดและรสชาติที่ชัดเจน
- ซอสและท็อปปิ้ง: ทำ เนยมัทฉะ หรือ เกลือมัทฉะ สำหรับโรยบนครัวซองต์หรือเฟรนช์ฟรายส์ หรือทำ ซอสมัทฉะไวท์ช็อก เพื่อราดขนมปังและแพนเค้ก
- อาหารคาว: มัทฉะยังสามารถนำไปใช้ในอาหารคาวได้ เช่น ผสมในน้ำสลัดโซบะ หรือใช้เป็นเกลือจิ้มเทมปุระ
- เคล็ดลับ: ผงมัทฉะไวต่อแสงและความร้อน เพื่อรักษาสีและกลิ่น ควรใส่ผงมัทฉะเป็นลำดับสุดท้ายหรือหลังจากยกลงจากเตาแล้ว
🛒 การเลือกซื้อและการเก็บรักษา
- สังเกตสีและกลิ่น: มัทฉะคุณภาพดีจะมีสีเขียวสด ไม่ซีดหรือหม่นเทา และมีกลิ่นหอมอูมามิ
- เลือกเกรดให้เหมาะสม: สำหรับการดื่มเดี่ยวหรือลาเต้ที่ต้องการรสชาติชัดเจน ให้เลือกเกรด Ceremonial/Premium ส่วนการทำขนมหรือเมนูที่ผสมนมและต้องการสีที่สด ให้เลือกเกรด Culinary
- บรรจุภัณฑ์: ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่บรรจุในกระป๋องหรือซองทึบแสง และซีลแน่นหนา
- การเก็บรักษา: เมื่อเปิดแล้วควรปิดฝาให้สนิท ไล่อากาศออก และเก็บไว้ในที่เย็น แห้ง และมืด มัทฉะที่เปิดแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 1-2 เดือน เพื่อรักษากลิ่นและสีให้สดใหม่
ไอเดียสูตรอาหารจากชาเขียวและมัทฉะ
ชาเขียวน้ำผึ้งมะนาว

ไก่กรอบชาเขียว

เค้กโรลมัทฉะ

มัทฉะชูครีม

มัทฉะสมูทตี้

สเปรดชาเขียว

บิงซูมัทฉะ

หรือหากยังไม่จุใจสามารถดูสูตรเมนูชาเขียว หรือ เมนูมัทฉะ เพิ่มได้ที่ Cookpad App ได้ฟรี!
❓ คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q1: มัทฉะกับชาเขียวเหมือนกันไหม?
- A: มาจากพืชชนิดเดียวกัน แต่ต่างกันที่กระบวนการปลูกและการผลิต มัทฉะปลูกแบบบังแสงและถูกบดเป็นผงละเอียด จึงมีรสอูมามิและคาเฟอีนสูงกว่าการชงชาเขียวแบบปกติ
Q2: ถ้าอยากได้สีเขียวสวยๆ ในขนม ควรเลือกอะไร?
- A: เลือกใช้ผงมัทฉะเกรด Culinary หรือ Premium เพราะให้สีที่สดและทนความร้อนได้ดีกว่าน้ำชาที่ชงแล้ว
Q3: ถ้ากลัวคาเฟอีน ควรเลือกแบบไหน?
- A: ชาเขียวแบบชงใบอ่อนๆ ที่แช่ในน้ำร้อนไม่นาน หรือเลือกชา Hojicha/Genmaicha ซึ่งมีคาเฟอีนต่ำกว่า
Q4: ทำไมมัทฉะบางยี่ห้อถึงขม?
- A: อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น คุณภาพของวัตถุดิบ การเก็บรักษาไม่ดี หรือการใช้น้ำร้อนเกินไปในการชง ซึ่งจะดึงความขมออกมามากเกินไป
ถ้ายังไม่จุใจกับสูตรอาหารสามารถเข้าไปดูสูตรอาหารเพิ่มเติมได้ที่ Cookpad