เคล็ดลับการเลือกใช้ สีผสมอาหารให้เข้ากับเมนูจานอร่อย

การเพิ่มความสดใสให้กับอาหารจานเดิมของคุณให้ดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นด้วยการเติมแต่งสีสันด้วยวัตถุดิบหลากสี หรือสีผสมอาหารที่ได้จากวัตถุดิบธรรมชาติ ทั้งจากพืชและผลไม้นานาชนิด กำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากแสดงให้เห็นถึงความน่ากินแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความสร้างสรรค์ของผู้ที่ทำอาหารจานนั้นๆ และที่สำคัญยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเมนูจานอร่อยของคุณอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังสีผสมอาหารแบบสังเคราะห์ที่คนไทยนิยมนำมาใช้ผสมกับอาหารเหมือนกัน

ก่อนที่จะไปดูไอเดียสูตรเมนูอาหารที่ใช้สีสันแตกต่างกัน Cookpad ขอชวนมาทำความรู้จักกับวัตถุดิบที่เป็นตัวแทนของแต่ละสี และชนิดของสีผสมอาหารแบบสังเคราะห์กันก่อนดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง

สีสันจากวัตถุดิบธรรมชาติ

สีผสมอาหารแบบสังเคราะห์

ปัจจุบันสีผสมอาหารที่พบได้ตามท้องตลาดของประเทศไทยนั้นหลักๆ มีอยู่ 3 แบบด้วยกัน ซึ่งคุณสมบัติของแต่ละแบบก็ต่างกัน

  • สีผสมอาหารแบบน้ำ เป็นแบบที่หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แรง สามารถใช้ได้ทันที ทั้งในอาหาร ขนมและเครื่องดื่ม ราคาตลาดโดยประมาณจะอยู่ที่ขวดละ 12-25 บาท โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้ในเมนูเครื่องดื่มมากที่สุด  บางยี่ห้อจะมีกลิ่นพิเศษที่ถูกจัดทำไว้ให้เข้ากับสีสันที่อยู่ในขวด เช่น สีเขียว:กลิ่นใบเตย สีส้ม:กลิ่นส้ม สีแดง:กลิ่นสตรอเบอรี่ เป็นต้น

และเพราะว่ามีคุณสมบัติเป็นของเหลว เวลานำไปผสมกับเมนูที่มีเบสหลักเป็นน้ำมันแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้สีอาจจะเปลี่ยนไป หรือ ดูเป็นด่างๆได้ เมนูที่ไม่แนะนำให้นำสีผสมอาหารแบบน้ำไปผสม เช่น บัตเตอร์ครีม คุกกี้ หรือ ช็อกโกแลต (สำหรับทำซอส)

ข้อควรระวัง:สีผสมอาหารชนิดนี้ ไม่แนะนำให้ใช้กับการผสมเบสบัตเตอร์ครีม หรือเบสน้ำมัน เพราะถ้าหากตัวสีไม่มีความเข้นข้นมากพอ จะทำให้ต้องหยดหรือเติมสีลงไปมากจนอาจทำให้เนื้อสัมผัสของเนื้อครีมเสียหรือตีครีมแล้วเหลวเกินไปได้
  • สีผสมอาหารแบบผง มีความเข้มข้นสูง ใช้แค่นิดเดียวก็ได้ความเข้มสีที่ต้องการ และสำคัญส่วนใหญ่จะมีอายุการเก็บรักษาได้ค่อนข้างนานกว่าสีในแบบอื่นๆ ราคากลางไม่แรงมากนัก จะมีตั้งแต่ 5-50 บาท หรืออาจจะแพงกว่านั้น ขึ้นอยู่ที่ชนิดของผงสีผสมอาหารแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ แบบที่ละลายได้ในน้ำและแบบละลายได้ในน้ำมันหรือไขมัน นิยมใช้กับอาหารหรือขนมที่ไม่ต้องการความชื้น เช่น มาการอง หรือ วากาชิ เป็นต้น

นอกจากสีผสมอาหารแบบผงจะมีเป็นสีแบบทั่วไปแล้ว ยังมีแบบ ผงสีมุก หรือ ผงสีทอง ซึ่งวิธีละลายสีตัวนี้จะพิเศษกว่า 2 ชนิดแรก เพราะจะละลายได้ดีกับ แอลกอฮอล์ (ฟู้ดเกรด) 70% ขึ้นไปเท่านั้น เหมาะกับการนำมาวาดลวดลายบนหน้าขนม เพื่อเพิ่มมูลค่าของเมนูนั้น

ข้อควรระวัง:เวลาเลือกซื้อควรตรวจเช็กให้ดีก่อน เพราะถ้านำสีผสมอาหารชนิดที่ไม่สามารถละลายในไขมันได้ไปใช้ละลายอาหารหรือขนมที่มีไขมัน จะทำให้สีละลายไม่ได้ อาหารและขนมจะขึ้นเป็นจุดสี ๆ เพราะสีละลายไม่หมด ทำให้ดูไม่น่ากิน
  • สีผสมอาหารแบบเจล เป็นสีที่นิยมใช้ในการทำเบเกอรี่มากที่สุด เพราะว่าสีประเภทนี้เป็นสีแบบเข้มข้น มีความเนียนของเนื้อสี ใช้เพียงนิดเดียวก็จะให้ได้สีที่ต้องการและตรงตามเนื้อสีเดิม ราคาตลาดโดยประมาณจะเริ่มที่ 90-150 บาทต่อขวด ซึ่งถือว่าราคาแรงมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็สมเหตุสมผลกับราคาที่ต้องจ่าย ใช้งานได้กับแทบทุกเมนู โดยเฉพาะ เมนูอย่างเค้กวันเกิดที่มีการใช้บัตเตอร์ครีมหลากสีในการวาดตกแต่ง หรือ น้ำตาลรอยัลไอซิ่งที่นำมาวาดลงบนแผ่นคุกกี้

เนื่องจากเป็นสีที่มีความเข้มข้นค่อนข้างสูง เวลาใช้ควรกะปริมาณให้ดี แนะนำว่าใช้เป็นไม้ปลายแหลมในการจุ่มสีขึ้นมาผสมทีละน้อย จะผสมได้สีที่ต้องการได้ง่ายกว่า การตักด้วยช้อน

ข้อควรระวัง:สีผสมอาหารแบบเจลมีทั้งแบบเบสน้ำและน้ำมัน เวลาเลือกซื้อก็ควรเช็กให้ดี เพราะสีเจลแบบเบสน้ำ ไม่สามารถนำมาใช้กับพวกงานช็อกโกแลตได้ เพราะมันจะไม่ละลายเข้ากันเนื่องจากตัวช็อกโกแลตมีเบสหลักๆ คือ น้ำมัน

สีของอาหารกับการกระตุ้นความอยาก..(กิน)

เมื่อรู้จักวัตถุดิบที่จะมอบสีสันให้กับจานอาหารเรียบร้อยแล้ว มาดูจิตวิทยาเกี่ยวกับสีที่จะมาช่วยประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้งานกันบ้าง เพราะสีนั้นสามารถกระตุ้นความอยากอาหารของเราได้ด้วยนะ

เทคนิคการทำสีแบบผงจากวัตถุดิบธรรมชาติ

วิธีทำสีผงจากวัตถุดิบธรรมชาติ ควรเลือกผักหรือผลไม้ที่มีปริมาณน้ำน้อย มีเส้นใยสูง เพื่อให้ง่ายและลดระยะเวลาในการทำ เพราะว่าเราจะต้องนำวัตถุดิบเหล่านั้นไปทำให้แห้งหรือคลายน้ำออกให้หมดก่อน เช่น มันม่วง มันเทศ แครอท เป็นต้น

ขั้นตอนการทำ

  • ล้างทำความสะอาดผักหรือผลไม้ที่ต้องการใช้ให้สะอาด และเช็ดให้แห้งก่อนเริ่มใช้งาน
  • ปอกเปลือกออกให้หมดและหั่นให้มีขนาดบางที่สุด
  • นำเข้าไปอบให้คายน้ำออกที่อุณหภูมิ 90-100 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 1-6 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ)
  • เมื่อผักหรือผลไม้ที่เราอบ แห้งเรียบร้อยให้นำมาบดให้ละเอียดจนเป็นผง
  • วิธีการเก็บรักษา ให้ใส่ในภาชนะที่สะอาดและอากาศถ่ายเทสะดวก เลี่ยงการเกิดความชื้นให้มากที่สุด จะสามารถเก็บได้ประมาณ 1 ปี
  • ก่อนนำมาใช้ให้นำมาละลายน้ำเล็กน้อยก่อน

ไอเดียอาหารหลากสีที่น่าลองทำ

หากสนใจสูตรอาหารเมนู หลากสี อื่นๆ สามารถกดดูเพิ่มเติมได้ที่นี่


ถ้ายังไม่จุใจกับสูตรอาหารสามารถเข้าไปดูสูตรอาหารเพิ่มเติมได้ที่ แอปค้นหาและแบ่งปันสูตรอาหารที่ดีที่สุด โดยคนรักการทำอาหารกินเองในไทย และกว่า 70 ประเทศทั่วโลกCookpad

หรือดาวน์โหลดแอ Cookpad ได้เลย